Skip to main content
AdSense

Arai Arai แปลงโฉมตึกเก่าในเยาวราชให้กลายเป็นสเปซสร้างสรรค์ ที่ ‘อะไรอะไร’ ก็เป็นไปได้

จะเรียกว่าเป็นคอมมูนิตี้ย่อม ๆ เลยก็ได้

Arai Arai แปลงโฉมตึกเก่าในเยาวราชให้กลายเป็นสเปซสร้างสรรค์ ที่ ‘อะไรอะไร’ ก็เป็นไปได้
October 11, 2021 Bangkok time

อะไร อะไร ก็เป็นไปได้

 
 
"เรา 3 คนเคยนั่ง (จิบเบียร์) คุยกันถึงการมีพื้นที่ใช้สอยร่วมกัน อาจเป็นตึกเล็ก ๆ ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของตึกได้ พาเพื่อนมาจอยได้ เหมือนสร้างคอมมูนิตี้ของเราเองขึ้นมาใหม่ ใครอยากใช้พื้นที่นี้ทำอะไรก็มาแชร์ไอเดียกัน พอมาเจอตึกเก่าตึกนี้ตรงแถววงเวียน 22 พอดีกับจังหวะชีวิตที่อะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นใจ ตึกนี้ก็กลายเป็น Arai Arai ของทุกคนอย่างที่เห็นนี่แหละ"
 
เต - เตชิต จิโรภาสโกศล, ชาติ - สิรภพ ขำอาจ และ หมูเล็ก - ณัฐพล โรจนรัตนางกูร 3 หนุ่มพาร์ตเนอร์หลักของตึก Arai Arai ที่เพิ่งเปิดทำการได้ไม่นานมานี้เล่าให้เราฟังถึงการจับเอาตึกอายุกว่า 50 ปี ในย่านเมืองเก่าอันเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบผสมปนเปของวิถีชีวิตคนโลคอล ที่จะเห็นได้จากร้านอะไหล่ยนต์ที่ยังคงเปิดทำการอยู่ฝั่งตรงข้าม ตรอกชาวบ้านแคบ ๆ ฝั่งผนังติดกัน และความฮิปสเตอร์ที่ส่งกลิ่นอายโชยมาไกล ๆ จากซ.นานา (เยาวราช) ที่อยู่เยื้อง ๆ มาสร้างเป็นสเปซแห่งการพึ่งพาอาศัยและใช้แรงบันดาลใจร่วมกัน ภายใต้ชายคาที่เชื่อว่าอะไร ๆ ก็ (เป็นไป) ได้ 
 
 
ด้วยความที่พาร์ตเนอร์หลักเป็นก๊วนนักออกแบบรุ่นใหม่ที่ชอบหยิบจับอะไร ๆ คล้าย ๆ กัน การดีไซน์สเปซที่ออกมาเลยเหมือนเดินเข้าไปไปในสตูดิโอกึ่งห้องนั่งเล่นของเด็กสถาปัตฯ มีการเลือกเก็บโครงสร้างเดิมของตัวตึกไว้โชว์สาวเท่ ๆ อาทิ คานปูนเปลือยและพื้นปูกระเบื้องลายโบราณ พร้อมแบ่งตึก 3 ชั้น ออกเป็นสัดส่วนให้เข้าใจง่ายต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนตามพื้นที่แนวตั้ง เริ่มจากส่วนของคาเฟ่กาแฟแบบสโลว์บาร์ที่ชั้นล่าง ร้านโฟโต้บุ๊กและโซนฟรีสเปซที่ชั้น 2 และปิดท้ายด้วยสตูดิโอออกแบบและห้องพักสำหรับแขกคนพิเศษที่ชั้นบนสุด พร้อมเชื่อมทุกอย่างด้วยบันไดไม้ที่ติดมากับตัวตึกเพื่อคงความเป็น Arai Arai ไว้ได้อย่างไม่ประดิษฐ์ประดอย บอย ๆ คุยกัน
 

 

FH/FH Slow Bar Coffee : บาร์กาแฟสายอีโค่ที่ชั้น 1

 
เปิดประตูบานใหญ่เข้าไปในสเปซ Arai Arai เราจะได้พบกับบรรยากาศแสนชิลล์ของ FH/FH Slow Bar Coffee ที่คอยต้อนรับแขกผู้มาเยือนอยู่ที่ชั้นแรก ด้วยกลิ่นที่ปนเปกันไปมาระหว่างเมล็ดกาแฟบดใหม่และกลิ่นกำยานจากสมุนไพรทำเองที่ลอยอ้อยอิ่งเคล้ากับทำนองเพลงอินเดียที่เปิดคลอ 
 
เราชอบการจับคู่สีผนังขาว-น้ำเงิน ให้ชั้นนี้ดูไม่เลี่ยนและไม่เป็นคาเฟ่ฮิปสเตอร์จนเกินไป พอเติมเฟอร์นิเจอร์วินเทจสุดแรนด้อม ทั้งโต๊ะหมากรุก เก้าอี้ไม้พับแบบโรงหนังสมัยก่อน รวมถึงใส่ของสะสมฉบับเด็กอาร์ตที่แตกต่างแต่มาอยู่รวมกันแล้วลงตัว ทั้งชั้นวางแผ่นไวนิลหายาก โปสเตอร์งานศิลปะในกรอบไม้ และต้นไม้ใบด่างพร้อมอุปกรณ์ทำสวนเข้าไป เลยทำให้พื้นที่ในชั้นนี้ดูอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในแบบที่อะไรอะไรก็ดูเป็นไปได้จริง ๆ นั่นแหละ
 
 
FH/FH ที่ย่อมาจากชื่อเต็มว่า From Here From Home มีจุดเด่นอยู่ที่ความโฮมมี่ที่เหมือนมานั่งจิบกาแฟบ้านเพื่อนและชิมที่ขนมเพื่อนทำ เราคิดไปเองว่าคำว่า From Home อาจจะมาจากความบ้าน ๆ ของทั้งคนขายและเมนู เพราะวัตถุดิบหลาย ๆ อย่างก็หยิบมาจากตู้เย็นและสวนที่บ้านจริง ๆ
 
ความน่ารักอีกอย่างของคาเฟ่ชั้นล่าง คือการเลือกนำเมล็ดกาแฟจากชาวบ้านมาขาย เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนหมู่บ้านจากเมืองไกลสู่เมืองหลวง เพื่อนำเสนอรสชาติเมล็ดกาแฟไทยให้ใครก็ตามที่อยากชิม โดยมีทั้งเฮาส์เบลนด์ที่จับเมล็ดกาแฟคั่วเข้มจากอาข่าอ่ามา มาผสมกับเมล็ดคั่วกลางจากแม่จันใต้ รวมถึงซีเลกชันเมล็ดหาชิมยากไว้ทำเมนูดริป อาทิ เมล็ดจากจ.น่าน จ.เชียงราย ไล่ไปจนถึงขั้นมีเมล็ดกาแฟแบรนด์ตัวเองที่ทางร้านทำงานร่วมกันกับชาวสวนกาแฟที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เพื่อค้นหา Process การแปรรูปเมล็ดกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกที่ถูกจริตชาว Arai Arai มากที่สุด
 
 
 
เมนูเครื่องดื่มมีให้เลือกตั้งแต่คลาสสิกดริงก์อย่าง Iced Americano (70 บาท) ไปจนถึง Orange Coffee (100 บาท) และกาแฟดริปเริ่มต้นที่ 100-120 บาท ส่วนใครเป็นสาย Non-coffee เราอยากแนะนำเมนูจำพวกโซดาอย่าง Passion Fruit Soda (70 บาท) และ Pineapple Soda (70 บาท) ที่อร่อยและสุขภาพดีกว่าใครในย่านนี้ด้วยการใช้แยมผลไม้ทำเองมาเป็นเบสหลัก หรือจะลองสั่งของดีบ้านสวนอย่างน้ำมะพร้าวสดปลอดสาร (60 บาท) ที่หนึ่งในพาร์ตเนอร์ของตึกแบกมาเองจากสวนที่บ้าน
 
ส่วนขนมก็มีให้เลือกสั่งระหว่าง Sicilian Whole Orange Cake (90 บาท) เค้กส้มโฮมเมดที่ทำจากส้มซิซิลีทั้งลูก เลยมีเทกซเจอร์กรึบ ๆ ของเนื้อและเปลือกส้มให้แปลกใจเล่น ๆ ตอนเคี้ยว และ Carrot Cake (60 บาท) เค้กแคร์รอตเนื้อแน่นที่ท็อปด้านบนด้วยครีมโยเกิร์ตทำมือ ซึ่งเค้กทั้งสองตัวเป็นผลพลอยได้จากงานอดิเรกช่วงโควิดระหว่างหนึ่งในหุ้นส่วนหนุ่มหล่อของร้านที่ทำร่วมกับแม่ของเขานั่นเอง
 

 

Vacilando Bookshop ร้านหนังสือ และฟรีสเปซไว้ทำอะไรอะไรบนชั้น 2

 
 
เดินทะลุอะไรต่อมิอะไรที่ชั้นแรกขึ้นมา จะพบกับสเปซโล่ง ๆ ที่มีเพียงชั้นหนังสือหลากหลายขนาดวางพิงผนังทั้งสองด้านไว้ ซึ่งนี่คือที่ตั้งใหม่ของร้าน Vacilando Bookshop ร้านหนังสือที่รวบรวมเอาโฟโต้บุ๊กและภาพถ่ายงานศิลปะจากหลากสำนักพิมพ์ทั่วโลกมาวางขาย โดยย้ายมาจากพิกัดเดิมที่เคยเปิดอยู่แถวอ่อนนุช มากลายเป็นส่วนหนึ่งในคอมมูนิตี้ Arai Arai พร้อมพื้นที่ให้นั่งถือกาแฟแก้วโปรดจากด้านล่างขึ้นมานั่งจิบไป เปิดโฟโต้บุ๊กไปพลาง ๆ รวมถึงได้แลกเปลี่ยนบทสนทนากับเจ้าของร้านที่สะสมหนังสือเป็นงานอดิเรก แต่มีอาชีพประจำเป็นอาจารย์สอนถ่ายรูปและตากล้องมือโปร
 
 
เราชอบสเปซชั้นนี้ที่แทบจะไม่มีกำแพงหรือประตูใด ๆ มากั้น เฟอร์นิเจอร์แทบทุกชิ้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่สามารถเคลื่อนย้ายสำหรับเนรมิตทั้งชั้นให้กลายเป็นเวทีเมื่อยามมีคอนเสิร์ต หรือลานกว้าง ๆ สำหรับงาน Art Performance หรือแม้กระทั่งใครอยากมาจัดนิทรรศการศิลปะเต็มรูปแบบก็ได้หมด ซึ่งชั้นนี้ถือเป็นโซนหลักเวลามีงานอิเวนต์ประจำฤดูกาล (อยากจะจัด) ของร้านเลยทีเดียว
 

 

อะไรจะเกิดก็เกิด

 
 
ถึงแม้โดยรวมแล้ว เจ้าของทั้งสามหนุ่มของ Arai Arai จะเป็นคนอะไร ๆ ก็ได้ แต่การจะขึ้นมาบนชั้นสูงสุดของตึกเก่าแห่งนี้ ไม่ใช่แค่ต้องมีขาแข้งที่แข็งแรงพอจะปีนบันไดไม้ขึ้นมาได้เท่านั้น แต่พื้นที่ด้านบนสุดยังสงวนไว้สำหรับเปิดเป็นโฮมบาร์ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มจากเหล้าสมุนไพรทำเองในอนาคต และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับมิตรสหายที่ทางแก๊งเจ้าของร้านเรียกมันว่า 'Friend Residence' เราเลยขอแอบแวะขึ้นไปถ่ายรูปมาอวดเฉย ๆ ส่วนใครอยากขึ้นไปก็ลองติดต่อหลังไมค์ดู
 
 
 
เอาง่าย ๆ ว่าจากตึกเก่าที่ไม่มีใครมาใช้งานแห่งนี้ ตอนนี้ได้กลายมาเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่ใครอยากดื่มอะไร กินอะไร ฟังอะไร หรือดูอะไร ก็สามารถมารวมตัวกันที่นี่ได้ ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์คนชอบกินดื่ม คนมาหาที่นั่งคิดงาน หรือแม้แต่คนอยากปลูกต้นไม้ คนรักการถ่ายรูป และคนชอบงานศิลปะ ก็สามารถแวะมาร่วมเป็นหนึ่งในคอมมูนิตี้แบบ Arai Arai ร่วมกันที่นี่ได้อย่างไม่ขัดเขินและไม่มีกำแพงเรื่องสถานที่มากั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการเกิดขึ้นของธุรกิจแบบใหม่ที่นักสร้างสรรค์ชาวกรุงเทพฯ รอคอยมานานมาก ๆ
 
Soimilk Says: ที่น่ารักและชอบมาก ๆ คือไม่ใช่แค่หุ้นส่วนหลัก 3 คน ที่สามารถทำอะไร ๆ กับพื้นที่นี้ได้เท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีการสร้างระบบ Membership ให้เหล่าสมาชิกที่อยากเปลี่ยนจากลูกค้าขาจรเป็นขาประจำ สามารถจ่ายเงินที่เปรียบเสมือนค่าเช่าบ้าน เพื่อใช้พื้นที่ส่วนกลางจัดกิจกรรม มานั่งทำงาน หรือแม้แต่ซื้อเครื่องดื่มและขนมในราคาส่วนลดพนักงานได้อีกด้วย และที่ตลกก็คือแก๊งพาร์ตเนอร์ยังคงสงสัยว่าจะเรียกสเปซนี้โดยรวมว่าอะไรดี เพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าพื้นที่นี้จะเป็นอะไรในอนาคต เพราะอะไร ๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น! ส่วนถ้าใครอยากรู้จักที่นี่ให้มากขึ้นก็ลองไปจอยอิเวนต์แรกของสเปซนี้ได้เลยที่ #อะไรจะเกิดก็เกิด นะ!
 
Arai Arai ถ.ไมตรีจิตต์ (วงเวียน 22) เวลาทำการ พุธ - อาทิตย์ 10:00 - 18:00 น. (ปิดวันจันทร์ - อังคาร) โทร. 088-599-2426 @araiarai_22 MRT สถานีวัดมังกร
AdSense
AdSense
AdSense