เมื่อปลายปีที่แล้ว หลายคนน่าจะมีโอกาสได้ร่วมกิจกรรม ‘Hidden Temple - ท่องวัดลับย่านฝั่งธน’ ทั้งในย่านตลาดพลู บางกอกน้อย และบางยี่ขัน รวมถึงงานออกแบบแสงสีทางสถาปัตยกรรม ณ อาคารโบราณอย่างการประปาแม้นศรีและหอประติมากรรมต้นแบบ กรมศิลปากร ภายใต้ธีม ‘Living Old Building’ ในช่วงเทศกาล Bangkok Design Week ถ้าใครยังติดใจหรือพลาดความตื่นตาในครั้งที่แล้วไปอย่างน่าเสียดาย ทางผู้จัดก็ได้กลับมาสร้างสีสันให้ชาวกรุงได้ตื่นเต้นกันต่อแล้วแบบยาวๆ ในงาน ‘Unfolding Bangkok’ ที่นำอัตลักษณ์ของชุมชน วัฒนธรรม วิถีชีวิต และแลนด์มาร์คต่างๆ ของกรุงเทพฯ มาผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ผ่านการออกแบบสุดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และบรรยากาศใหม่ๆ ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์อันแตกต่างจากที่คุ้นเคยของแหล่งท่องเที่ยวประจำเมืองหลวงแห่งนี้
Living Old Building
สำหรับภาคต่อของกิจกรรม Living Old Building จะเริ่มที่สถานีรถไฟหัวลำโพง โดยเริ่มมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคมนี้ ซึ่งสถานีรถไฟหัวลำโพงจะถูกแปลงโฉมด้วย Lighting Installation ในธีม ‘THE WALL 2023’ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ไฮไลต์ตามสถานที่สำคัญในอาคาร ได้แก่ The Door ณ กระจกทรงโค้งตรงประตูทางเข้าสถานีรถไฟ สะท้อนจินตนาการของผู้คนสู่ก้าวย่างใหม่ของการเดินทางที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ตามด้วย The People ในโถงอาคารพักคอยผู้โดยสาร ที่สามารถชื่นชมความงามของอาคาร พร้อมรับชมการแสดงหลากหลายรูปแบบที่มีทั้งดนตรีพื้นบ้านของแต่ละภูมิภาคและดนตรีร่วมสมัย (ดูตารางได้ ที่นี่) ปิดท้ายด้วยบริเวณชานชาลากับ The Emotion ที่จะสร้างอารมณ์ร่วมของการพบหน้าและจากลาของผู้คนบนพื้นที่แห่งนี้
Lighting Installation จัดแสดงวันละ 3 รอบ รอบที่ 1 ตั้งแต่ 18.30-19.00 น. รอบที่ 2 ตั้งแต่ 19.10-20.00 น. และรอบที่ 3 ตั้งแต่ 21.00-22.00 น. และสามารถชม Projection Mapping บริเวณกระจกทรงโค้ง ณ ประตูทางเข้าสถานีรถไฟได้อีกด้วย ซึ่งมีให้ชมวันละ 2 รอบคือรอบ 19.00-19.10 น. และรอบ 20.00-21.00 น. นอกจากนี้ยังมีทัวร์ทำความรู้จักหัวลำโพงในมุมมองใหม่ ร้านอาหารและป๊อปอัปคาเฟ่ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ให้ได้เข้าร่วมอีกมากมาย
จากหัวลำโพงไปต่อกันที่วังกรมพระสมมตอมรพันธ์ ซึ่งซ่อนอยู่ในตรอกแคบๆ กลางชุมชนชื่อเดียวกันแถวถนนบำรุงเมือง ที่ที่เราจะได้ดื่มด่ำในประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งอายุกว่า 100 ปีหลังนี้ผ่านกิจกรรม Architectural Lighting และ Projection Mapping พร้อมรับชมผลงานศิลปะเคลื่อนไหว ‘กาลเปลี่ยนผ่าน’ (Elapse) และ ‘การเปลี่ยนแปลง’ (Reformation) นิทรรศการความเป็นมาของอาคาร และสารคดี ‘The Renaissance of Place’ อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการแสดงจากศิลปินมากมายได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม จนถึง 2 เมษายนนี้ แต่ต้องคอยติดตามรอบการลงทะเบียนที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ Urban Ally ให้ดีๆ นะ เพราะเขาจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมไว้
Greeting Benjakitti
อีกหนึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นพร้อมๆ กันและห้ามพลาดอย่างยิ่งคือ ‘Greeting Benjakitti’ ที่ให้เราได้เรียนรู้และตระหนักถึงคุณค่าของสวนป่าเบญจกิติ ซึ่งเป็นต้นแบบสวนสาธารณะเชิงนิเวศแห่งแรกของกรุงเทพฯ พร้อมฟื้นฟูจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจผ่านงานศิลปะใจกลางธรรมชาติ
ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน จุใจไปกับ 5 ผลงานศิลปะจัดวาง หรือ Art Installation ที่สะท้อนการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ สิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างๆ ในสวนป่าเบญจกิติ ไม่ว่าจะเป็น ‘The Center of the Universe’ ที่ให้เรามีส่วนร่วมกับผลงานผ่านการออกแบบกล้องคาไลโดสโคป หรือ ‘Stingless Bee City’ ผลงานที่ออกแบบให้เป็นที่อยู่อาศัยให้แก่ผึ้งชันโรง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูระบบนิเวศในเมือง ทั้งยังมี ‘Hornbill Villa’ รังเทียมสำหรับนกเงือกและพื้นที่ปลอดภัยแก่นกและสัตว์ชนิดอื่นๆ ในสวนป่าใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้ ซึ่งออกแบบโดยใช้เครื่องปั้นดินเผานับร้อย กับ ‘The Circle Biogenesis 2023’ ที่แสดงให้เห็นวัฏจักรการเติบโตของต้นข้าว และ ‘House of Silence’ ซึ่งออกแบบให้เหมือนบ้านและเปิดให้เราได้ใช้เวลากับตัวเองพร้อมสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมรอบตัว
นอกจากนี้ ที่สวนเบญจกิตติยังมีศิลปะการแสดงรูปแบบต่างๆ และกิจกรรมเวิร์กช็อปศิลปะ (ดูตารางได้ ที่นี่) สำหรับทุกวัยอีกมากมายในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ทุกสัปดาห์จนถึงวันที่ 23 เมษายนอีกด้วย (ยกเว้นสัปดาห์สงกรานต์) ใครชอบกิจกรรมแบบไหน ก็สามารถไปจอยกันได้ตามจริตและความชื่นชอบของตัวเอง หรือจะไปลองอะไรใหม่ๆ ก็ย่อมได้ รับรองว่าเพลินตาเพลินใจ แถมรู้จักกรุงเทพฯ ในมุมมองที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนอีกด้วยนะ