การถ่ายทอดผลงานศิลปะด้วยการแต่งแต้มสีสันลงบนผืนผ้าใบ โดยสอดแทรกตัวตนของศิลปินเข้าไปในเนื้องาน เพื่อทําให้ผู้ชมได้รับความรู้สึกสนุกสนานร่าเริงไปกับการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน และยังแฝงกลิ่นไอของความรักในงาน เพื่อให้ผู้ชมได้รู้สึกอบอุ่นในช่วงวันวาเลนไทน์ด้วย

 

---

 

 

เป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว ที่โลกเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 คนจำนวนมากที่ประสบปัญหาจากสถานการณ์โรคระบาดนี้  และหนึ่งในบรรดาผู้ที่ได้รับผลเต็ม ๆ ในบ้านเราก็คือกลุ่มนักดนตรีกลางคืน รวมไปถึงผู้ประกอบการธุรกิจผับบาร์ เนื่องจากมาตรการปิดสถานบันเทิงทุกแห่ง จนทำให้นักดนตรีขาดรายได้จากการเล่นดนตรีในผับ และยังเสียโอกาสในการเล่นดนตรีในงานคอนเสิร์ตและอิเวนต์ต่าง ๆ อีกด้วย

 

เพื่อที่จะช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องนักดนตรีทั้งหลาย ค่ายเพลง LOVEiS จึงเปิดพื้นที่หน้า Lido Connect แล้วชวนเหล่าเพื่อนพี่น้องในวงการดนตรีมาเล่นดนตรี กลายเป็นเทศกาลดนตรีขนาดย่อม ๆ กลางสยามสแควร์ พร้อมพาเหล่าคนดนตรีมาเจอนักฟังเพลง เพื่อทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัวเป็นแฟนคลับกัน ใครคิดถึงบรรยากาศคอนเสิร์ตก็ไปเจอกันได้เลยนะ

 

---

 

 

ไปรับชม 3 ผลงานของผู้เข้าร่วมโครงการ IN-TURN-SHIFT หลังจากผ่านการพัฒนางาน Personal จนมาสู่ Zine และ Showcase ทั้งกระบวนการพัฒนางาน การดีไซน์พื้นที่ในการจัดแสดง และการทำเล่ม Zine ที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของในงานได้อีกด้วย

 

Through Something คือชุดภาพถ่ายซึ่งเป็นดังตัวแทนของการเป็นส่วนหนึ่งในม็อบเรียกร้องประชาธิปไตยโดย เต้ย ณัฐวุฒิ เตจา, Goal Gone Boy ชวนผู้ชมย้อนกลับไปมองถึงการขาดโอกาสในด้านกีฬาผ่านระบบการศึกษาของ ต้าร์ สันติ ใจแสน และ Never Gone ชุดภาพที่เล่าความเป็นอยู่ของปัจจุบันอันมีผลมาจากอดีตที่ไม่เคยจางหายภายในครอบครัวของ ตั๊กแตน สุภาพร ธรรมประโคน โดยในช่วง Opening Session จะมีการพาชมผลงานพร้อมกิจกรรมทอล์กเกี่ยวกับผลงานแต่ละชุดของช่างภาพด้วย

 

---

 

 

 

JFTheater กิจกรรมฉายหนังโดย เจแปนฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ ชวนเราไปดูหนังโรแมนติกที่จะทำให้เราแอบคิดถึงรักแรกสมัยเรียน (เขิน) ด้วย Gomen ขอโทษนะ ที่เล่าเรื่องราวของ เซอิ หนุ่มน้อยนักเรียนชั้น ป.6 ที่หลงรัก นาโอโกะ สาวน้อยชั้น ม.2 จึงจัดการนัดเธอเป็นครั้งแรก แต่ก็ล้มเหลว ประสบการณ์นี้บั่นทอนจิตใจเขาอย่างที่สุดในชีวิต แต่เขาก็ไม่ย่อท้อที่จะฟันฝ่าอุปสรรคชีวิตรัก จนในที่สุดก็ได้รับรางวัลเป็นจุมพิตที่แก้มจากเด็กสาว

 

---

 

 

 

การกลับมาของหนึ่งในงานใหญ่ที่เหล่าคนรักศิลปะและงานดีไซน์แห่งกรุงเทพฯ ต่างก็ตั้งตารอเป็นประจำทุกปี เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2565 หรือ Bangkok Design Week 2022 (BKKDW2022) ได้เวียนกลับมาพบกับเราตามนัดตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป! โดยมี CO WITH CREATION คิด สร้าง ทางรอด เป็นธีมประจำปีที่ชวนทุกคนมาร่วมสำรวจความคิดสร้างสรรค์ คิดหาหนทางอยู่ร่วมกับสถานการณ์วิกฤต COVID-19 ในหลากหลายแง่มุม เพื่อดำเนินชีวิตในวิถีใหม่ หรือ New Normal โดยสิ่งที่เราจะได้พบกันในงานปีนี้ก็คืองานดีไซน์กว่า 150 ชิ้น ที่กระจายตัวอยู่ใน 5 ย่านสร้างสรรค์แห่งกรุงเทพฯ ได้แก่ เจริญกรุง - ตลาดน้อย, สามย่าน, อารีย์ - ประดิพัทธ์, ทองหล่อ - เอกมัย และย่านสร้างสรรค์แห่งใหม่ พระนคร ย่านเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตที่พร้อมต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ให้เข้ากับเมืองในมิติต่าง ๆ เตรียมเดบิวต์เป็นย่านสร้างสรรค์แห่งใหม่ในปีนี้เป็นปีแรก!

 

---

 

 

นิทรรศการที่นำเสนอภาพเมืองกรุงเทพฯ ในแบบที่มันเป็น เรื่องราวความเป็นกรุงเทพฯ ได้ถูกนำมาเล่าผ่านสายตาและผลงานของศิลปินต่างสาขา 3 คน ผู้เติบโต ใช้ชีวิต และสำรวจมันด้วยมุมมองใหม่ ภายในสถานที่ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเมืองในอีกยุคสมัยอย่างอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก เป็นที่น่าสนใจว่าเราจะได้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างกรุงเทพฯ ที่เรารับรู้ และพื้นที่แห่งอดีตนี้ในรูปแบบใด และนำไปสู่คำถามที่ว่าฝันของเรา ยังเป็นไปได้ในเมืองแห่งนี้หรือไม่?

 

ชัชวาล สุวรรณสวัสดิ์ (นักเขียน, สถาปนิก, ศิลปินอิสระ), ชนะพล คมขำ (ศิลปินทัศนศิลป์) และ ภคมน เหมะจันทร์ (นักเต้นอิสระ) ได้สำรวจเมืองกรุงเทพมหานครและออกแบบนิทรรศการให้สอดรับกับลักษณะของอาคารพื้นที่โถงบันไดของอาคารไปรษณีย์กลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ทางผ่านของผู้ใช้สอยอาคารและยังทำหน้าที่เชื่อมต่อและส่งผ่านสิ่งของต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ คำว่า 'เชื่อมต่อ' และ 'ส่งผ่าน' จึงมีความหมายซ่อนอยู่ทั้งในเชิงกายภาพและจินตภาพ ภายใต้สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ ที่มีระดับพื้นซับซ้อน ศิลปินตั้งใจส่งพัสดุเชื้อเชิญให้ทุกคนมาสัมผัสและช่วยกันตั้งคำถาม เพื่อหล่อเลี้ยงเจตจำนงของตนในเมืองนี้ไม่ให้เลือนหาย

 

---

 

 

เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง 160 ปี ความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี สถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย พร้อมกับ สถานทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำกรุงเทพมหานคร และ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก จึงชวนเราไปร่วมชื่นชมและสำรวจ ร่องรอยเยอรมันในกรุงเทพฯ ร่องรอยประเทศไทยในเบอร์ลิน ในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย โดยที่แต่ละรูปแบบต่างก็มีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่ยังไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน ซึ่งบางเรื่องชวนเราย้อนอดีตไปไกลถึงทศวรรษ 1800 โน่นเลยล่ะ!

 

เรื่องราวจาก 2 เมืองหลวง ที่แตกต่างในแบบเฉพาะตัวได้รับการบันทึกผ่านเลนส์กล้องโดยสองนักถ่ายภาพชื่อดัง ราล์ฟ โทเทน กับ วอล์ฟกัง เบลวิงเคิล ผสานกันเป็นนิทรรศการภาพถ่ายที่ยิ่งใหญ่อลังการ สะท้อนเสน่ห์เย้ายวนใจของ 2 เมืองหลวง ที่โด่งดังของโลก งานภาพถ่ายของ 2 นักถ่ายภาพนำเสนอรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยได้สังเกตเห็น แต่จะเปลี่ยนแนวทางการรับรู้ของเราที่มีต่อเมืองกรุงทั้งสองได้อย่างคาดไม่ถึง 

 

---

 

นิทรรศการภาพถ่ายครั้งแรกของช่างภาพที่จบจากคณะบริหารธุรกิจ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากความรู้สึกหดหู่ต่อสถานการณ์อันเลวร้ายที่ทั่วโลกกำลังประสบ ผลกระทบของโรคระบาดทำให้ไม่สามารถออกไปทำงานข้างนอกหรือออกไปเดินถ่ายภาพได้สะดวกนัก แต่มีอยู่วันหนึ่ง ศิลปินนั่งอยู่ในบ้าน มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วกลับรู้สึกว่าแสงช่วง 4 โมงเย็นนั้นสวยเป็นพิเศษ เขาตัดสินใจหยิบกล้องออกไปเดินถ่ายรูปในละแวกบ้านที่อยู่มาเป็น 10 ปี แต่ด้วยความเคยชิน เขาจึงไม่เคยสังเกตว่าละแวกบ้านของเขาก็มีสิ่งสวยงามและน่าสนใจ ทั้งที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ในวันนั้น เขากลับได้รูปภาพที่ชอบกลับมามากมาย

 

ศิลปินรู้สึกสนุกกับการมองหาความพิเศษในสิ่งที่ดูธรรมดา เหมือนได้ค้นพบตัวเอง จึงกลายเป็นความสุขที่ทำให้เกิดความหวังเล็ก ๆ จากสิ่งธรรมดาที่เคยชิน ศิลปินตระหนักได้ว่า จริง ๆ แล้วความสุขก็ไม่ได้หายากเลย แค่เราลองปรับมุมมองของตัวเองต่อสิ่งธรรมดารอบตัวเท่านั้นเอง

 

---

 

 

ร่วมพูดคุยไปกับ อชิตพนธิ์ เพียรสุขประเสริฐ ศิลปินเจ้าของนิทรรศการกรงวงกต และ ปรัชญา พิณทอง ในประเด็นเนื้อหานิทรรศการและว่าด้วยศิลปะและการเป็นวัตถุ รวมทั้งสนทนาแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวความคิด วิธีการทำงาน ผ่านมุมมองของศิลปินทั้งสองคน 

 

นิทรรศการ กรงวงกต พูดถึงชีวิตของอชิตพนธิ์ที่ตั้งอยู่บนความสัมพันธ์กับสิ่งอื่น การทำงานศิลปะก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่ตอบสนองว่า ในร่างกายนี้มีชีวิตที่มีความคิด และสามารถบันทึกความคิดเป็นรูปธรรมได้ เป็นการเยียวยาการคำนึงถึงความตาย รวมทั้งเป็นเครื่องมือบรรเทาความหมองหม่นไปในคราวเดียวกัน นำมาสู่การสำรวจเรื่องราวรอบตัวอันมีผลต่อการตัดสินใจทางคุณค่า ความหมาย หรือการทำความเข้าใจชีวิต และท้ายที่สุดแล้วความตายอาจเป็นสิทธิ์ที่ใช้เสรีภาพในการตัดสินใจได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกับกริยาสามัญอื่น ๆ ไม่ว่าจะ กิน ดู ฟัง เดิน นั่ง นอน และอีกมากมาย หากแต่เป็นการลัดไปสู่จุดเปลี่ยนผันที่ง่ายดาย เพื่อตัดตนออกจาก 'วงกต' อันซับซ้อน รวมทั้ง 'กรง' ที่กักขัง

 

---

 

 

นิทรรศการที่จัดแสดงผลงานของ ที นทีพล นำเสนอเรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ Love in 3020 หรือ ความรักในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้าของตัวศิลปิน ที่จะต้องผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ความสมหวังและความผิดหวัง