ยังจำได้ไหม ก่อนหน้านี้เราเคยพาชาวซอยมิลค์ไปสำรวจพื้นที่เล็ก ๆ ที่หอมฟุ้งชวนฝันด้วยกลิ่นกาแฟและดอกไม้อย่าง WBD Cafe ที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ของโรงแรม OB OON Boutique Hotel แห่ง ซ.พร้อมมิตร (อ่าน: WBD Cafe คาเฟ่อวลกลิ่นดอกไม้ จากความรักของนักเสาะหาเมล็ดกาแฟที่หลงรักกลิ่นกาแฟและดอกไม้) ซึ่งล่าสุด คาเฟ่อวลกลิ่นดอกไม้และกาแฟที่เราตกหลุมรักแห่งนี้ก็ได้ขยายมาสู่พื้นที่แห่งใหม่ที่กระเถิบออกจากย่านทองหล่อมาสู่ ซ.ปรีดีพนมยงค์ 26 และจากพื้นที่เล็ก ๆ สะท้อนคอนเซปต์บ้านแห่งความทรงจำถึงคุณยาย วันนี้ WBD Cafe สาขาใหม่ได้แปลงกลายมาอยู่ในรูปของโรงนา ผสมกลิ่นอายชนบทของอิตาลี และซ่อนตัวอย่างกลมกลืนอยู่ในย่านอยู่อาศัยอันเงียบสงบแห่งนี้

เมื่อก้าวเข้าไปในโรงนากลิ่นกาแฟ สิ่งแรกที่รอต้อนรับเราอยู่ก็คือเจ้ากระต่ายสีฟ้าตัวยักษ์และมวลเมฆที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ โดย คุณแบงค์ กิตติชล เรืองพุ่ม หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านและคนคุ้นเคยที่เคยเปิดโลกกาแฟกลิ่นดอกไม้ให้แก่เรา ก็อธิบายว่า WBD Cafe แห่งซ.ปรีดีพนมยงค์นี้จะเป็นองก์แรกของเรื่องราวการผจญภัยตามหาดวงจันทร์ของเจ้ากระต่ายกับหมาป่า ที่กำลังจะออกตามล่าดวงจันทร์ไปทั่วกรุงเทพฯ พร้อมพากลิ่นกาแฟและเมนูอาหารอร่อย ๆ ตามไปเสิร์ฟตามย่านต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ด้วย!

ไอเดียของ WBD Cafe ที่กำลังจะขยายสาขาไปตามย่านต่าง ๆ ก็จะใช้คอนเซปต์โรงละครเป็นตัวนำ โดยแต่ละที่ที่ไปเปิดใหม่ ก็จะเป็นการเล่าเรื่องตอนใหม่ของนิทานเจ้ากระต่ายกับหมาป่าที่พากันไปหาดวงจันทร์ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนก็จะได้ประสบการณ์เสมือนเดินเข้าไปในฉากของนิทานหรือละครเวที ซึ่ง WBD Cafe สาขาล่าสุดนี้ ก็จะเป็นการเล่าเรื่อง Chapter 1 หรือองก์แรกของนิทาน โดยผู้ชมจะได้เข้ามาในพื้นที่ของเจ้ากระต่ายที่กำลังรอการมาถึงของพระจันทร์อยู่ในโรงนา บ้านของมันนั่นเอง (แอบกระซิบว่า ตอนหน้าจะเป็นคิวของเจ้าหมาป่าได้ออกโรงแล้ว... แต่จะเป็นที่ไหน รอติดตามกันนะ!)

เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนได้รู้สึกเหมือนเดินเข้ามาในเรื่องราวการตามหาดวงจันทร์ของกระต่ายและหมาป่า เมนูเครื่องดื่มในร้านจึงถูกคิวเรตมาให้สอดคล้องกับเรื่องราวด้วย ซึ่งในกาลต่อไป แต่ละสาขาก็จะมีซิกเนเจอร์แตกต่างกัน เพื่อให้คนรักการดื่มกาแฟได้ไปติดตามเรื่องราวตอนใหม่ในถ้วยโปรด

เริ่มต้นที่เมนูแรกกับ Rabbit On the Moon ที่เริ่มต้นมาจากโจทย์การพยายามหาตัวเชื่อมระหว่างกาแฟกับส้มให้แตกต่างออกไป จนสุดท้ายจึงมาลงตัวที่การทรีตแก้วนี้ให้เป็นเหมือนกับค็อกเทล แล้วเพิ่มกลิ่นของเครื่องเทศและสมุนไพรไทยลงไป แก้วนี้สำหรับคนรักกาแฟส้มบอกเลยว่าไม่ควรพลาด
ตามมาด้วย Wolf Pack ที่เป็นกาแฟมินต์ โดยความประทับใจของเราก็คือการที่ช็อตเอสเปรสโซในกาแฟยังคงรสชาติเข้มข้นและได้กลิ่นชัดเจน ไม่ถูกตัดด้วยมินต์ ในขณะที่ตัวมินต์ก็ช่วยให้ความสดชื่นมากขึ้น

สำหรับสายน็อนคาเฟอีน ถึงแม้ว่าแค่ก้าวเข้ามาที่นี่ก็ได้กลิ่นกาแฟเต็มจมูกแล้ว แต่เมนูน็อนคาเฟอีนของที่นี่ก็ 'จึ้ง' ไม่แพ้กัน โดยตัวที่เราอยากแนะนำก็คือ Bloody Moon ซึ่งเป็นโกโก้สัมที่เข้มข้นแบบคนชอบโกโก้สายเข้มต้องรัก แถมรสชาติก็ผสานเข้ากันดีกับน้ำส้ม ใครที่กลัวว่าจะหวานบาดคอแบบช็อกโกแลตส้มขอบอกเลยว่าไม่ แก้วนี้กลมกล่อมจิบได้เรื่อย ๆ เลยจ้า
มาถึงส่วนขนมหวาน โดยสาขาใหม่ (และสาขาต่อไปในอนาคต) ก็ยังคงเป็น คุณปุ้ย ลัดดา บุตรพรม แห่ง Bulanda Bakes ที่เป็นผู้ดูแลในส่วนของเมนูของหวานต่าง ๆ ซึ่งใครที่ติดใจรสชาติความอร่อยน้ำตาไหลแบบไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรีหรือสุขภาพ อันเป็นทีเด็ดหลักของเมนูขนมหวานในสาขาก่อน ก็สามารถตามมาเอ็นจอยกับสาขานี้กันได้เหมือนเดิม

เมนูแรกที่เราเห็นแล้วขอสั่งเลยเพราะยังติดตราตรึงในรสชาติคือเจ้า Take My Heart บราวนีเรดเวลเวตที่พิเศษตรงความไร้แป้ง ซึ่งโดดเด่นด้วยความหนั่นแน่นของตัวเค้กและรสชาติสุดเข้มข้น และก็เป็นอีกครั้งที่เราอยากมอบทั้งตัวทั้งใจให้เขาไปเลย

เมนูต่อมาก็คือ Fluffy Moon เค้กช็อกโกแลตเนื้อฟูนุ่มที่พาเราลอยไปถึงดวงจันทร์ ใครที่ชอบเค้กช็อกโกแลตแบบไม่หวานขึ้นตา แต่ก็ไม่ขมจนต้องหลับตาปี๋ น่าจะรักเมนูนี้ได้ไม่ยาก

เมนูสุดท้ายคือ Fruit Tartlet ทาร์ตผลไม้ที่ทำจากแป้งฝรั่งเศสที่กินได้เพลิน ๆ ด้วยรสชาติของ crème pâtissière ตรงกลางที่เขาคิดมาให้รองรับรสชาติของผลไม้ได้กำลังพอดี ใครอยากได้ความหวานแบบสดชื่นหน่อยก็จัดเลยจ้า

Soimilk Says: ถึงจะเป็นสาขาใหม่ แต่ความประทับใจที่เราได้รับนั้นก็ไม่แพ้จากสาขาแรกเลย เพราะเรายังสัมผัสได้ถึงคงามใส่ใจในเรื่องคุณภาพและรสชาติของกาแฟและขนมของเขา ซึ่งแม้ว่าพื้นที่จะใหญ่ขึ้น แต่ยังคงความใส่ใจในทุกตารางนิ้วไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับตอนนี้ เราก็อดใจรอตอนใหม่ของเจ้ากระต่ายและหมาป่ากับภารกิจตามล่าดวงจันทร์ไม่ไหวแล้วล่ะ!
WBD Cafe ซ.ปรีดีพนมยงค์ 26 เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) 9:00 - 17:00 น. โทร. 092-684-7828 fb.com/wbdhomecafe BTS พระโขนง แล้วต่อพี่วิน