Tower Records คืออะไร?
ก่อนหน้านี้เราไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายนักเกี่ยวกับ Tower Records นอกจากว่าเป็นร้านแผ่นเสียงเก่าแห่งหนึ่ง แต่หลังจากเห็นโปสเตอร์หนัง โปรยด้วยตัวหนังสือสีเหลืองสดว่า “All Things Must Pass” เราก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ทำให้เราอยากดูหนังเรื่องนี้ขึ้นมา

พอได้หาข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิด Tower Records เป็นมิวสิคสโตร์ยักษ์ใหญ่ที่เรียกได้ว่ามีสาขากระจายไปอยู่ทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรป เอเชีย (หรือแม้แต่ประเทศไทยบ้านเราก็อยู่หลายสาขา) โดยแกนหลักของร้านก็เริ่มมาจาก รัสส์ โซโลมอน ที่เปิดร้านแผ่นเสียงเล็กๆ ในร้านขายยาของพ่อ ที่เมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอเนียร์
สิ่งที่ทำให้ Tower Records โดดเด่นกว่าร้านมิวสิคสโตร์อื่นๆ คงจะเป็นความหลากหลายของแนวเพลง ด้วยหลักการที่ว่า “กองแผ่นสูงๆ แต่ราคาถูก” ทำให้ Tower Records เป็นที่แรกๆ ที่คนจะนึกถึง เมื่อพวกเขาต้องการเสียงเพลง Tower Records ไม่ได้เป็นแค่ร้านขายเพลง แต่เป็นเหมือนกับแหล่งชุมนุมของคนที่หลงรักในเสียงดนตรี ไม่ว่าจะเป็นแค่คนฟังเพลงธรรมดา โปรดิวเซอร์ หรือแม้แต่เหล่าซุปเปอร์สตาร์ก็เลือกที่จะมาช้อปแผ่นเสียงของศิลปินคนโปรดที่นี่
“นอกจากเรื่องเพลงแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่ามีดีอะไรในตัวอีก”

หนึ่งในสิ่งที่เราถูกใจพอได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ การที่ได้เห็นถึงสไตล์การทำงานของพนักงานที่นี่ เราประทับใจกับพนักงานในร้านที่เป็นคอเพลงตัวจริง พวกเขามีความรู้ลึกในเรื่องเพลง พนักงานบางคนถึงกับบอกว่า “นอกจากเรื่องเพลงแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าผมมีอะไรดีในตัวอีก” บรรดาลูกค้าในแต่ละสาขามักจะคิดว่าสาขาที่ตัวเองไปนั้นเป็นสาขาแรกกันทั้งนั้น เพราะร้านแต่ละสาขานั้นจะมีความออริจินัลของตัวเองอยู่ พนักงานในร้านจะเป็นคนเปิดเพลงในร้านเอง เรียกได้ว่าเป็นดีเจประจำร้านกันเลยทีเดียว สิทธิในการตกแต่งร้านก็เช่นกัน แต่ละสาขาสามารถจัดวางสินค้าได้ตามใจ ในบางสาขาที่มีพนักงานที่มีความอาร์ตๆ หน่อย ก็ถึงกับทำคัตเอาท์เป็นหน้าปกอัลบั้มที่พวกเขาชอบ ซึ่งยิ่งดึงดูดความสนใจของลูกค้ามากขึ้นไปอีก


คนเราใช้เวลาอยู่ในที่ทำงานวันละอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ถ้าหาก 8 ชั่วโมงนั้นเป็น 8 ชั่วโมงที่ต้องมานั่งรอเวลาว่าเมื่อไหร่จะเลิกงานคงจะน่าเบื่อแย่! แต่ที่ Tower Records ไม่ใช่แบบนั้นเลย รัสส์นั้นก็เป็นเจ้านายในอุดมคติของเหล่าพนักงาน เป็นคนประเภท work hard play harder เขาเต็มที่กับงาน กล้าได้กล้าเสีย แต่นอกเวลางานเขาก็เต็มที่กับชีวิตเหมือนกัน รัสส์ให้ความไว้วางใจพนักงานทุกคนให้ดูแลร้าน โดยมีกฎง่ายๆ คือ แม้เมื่อคืนจะเมาเละแค่ไหน พวกคุณก็ต้องมาทำงานให้ตรงเวลา! ซึ่งคนแบบนี้แหละ ที่จะได้ใจลูกน้องไปอย่างง่ายดาย ทำให้การทำงานมันสนุกขึ้นเยอะ
The Rise and The Fall
ทุกสิ่งผ่านมาแล้วก็ผ่านไป วัฒนธรรมของการฟังเพลงก็เช่นกัน Tower Records เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ร้านแผ่นเสียงเล็กๆ แห่งนี้ได้กลายเป็นมิวสิคสโตร์ขนาดยักษ์ รัสส์ปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจตามตลาด เขาขยายสาขาออกไปมาก มากจนเกินกำลัง โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันหนึ่งเขาจะต้องมาแพ้ภัยตัวเอง เมื่อวงการเพลงต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เจ้าสิ่งที่เรียกว่า MP3 เข้ามาแทนที่ พฤติกรรมการบริโภคเพลงของคนก็เปลี่ยนไป คนเลือกที่อยู่ที่บ้านหาเพลงฟังจากอินเตอร์เน็ต มากกว่าที่จะออกจากบ้านไปคุ้ยลังซีดีในร้านเพลงเหมือนเมื่อก่อน นั่นทำให้ Tower Records ได้รับผลกระทบเข้าอย่างจัง รัสส์ไม่สามารถจะดูแลสถานภาพทางการเงินของบริษัทได้จนถูกฟ้องล้มละลาย สุดท้ายก็ต้องจบลงด้วยการทยอยปิดสาขาต่างๆ ลงอย่างน่าเสียดาย
ฉากที่ประทับใจมากๆ ของเราก็คงเป็นฉากที่พนักงาน Tower Records ทำป้ายอำลาขึ้นหน้าร้านด้วยคำว่า “All Things must pass. Thanks Sacramento” มันทำให้เรารู้สึกถึงความผูกพันที่ทุกคนมีให้ Tower Records จริงๆ
All things must pass...
เขาว่ากันว่าแฟชั่นจะวนกลับมาทุกๆ 10 ปี วงการเพลงก็เช่นกัน ทุกวันนี้คนก็ยังคงฟังเพลงอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่วิธีการมันต่างไปจากเมื่อก่อน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เราก็เริ่มเห็นคนกลับมาฟังเพลงจาก Hard Copy กันมากขึ้น ผู้คนเริ่มกลับมาหลงใหลในเสน่ห์ของความ analog กันอีกครั้ง เราเชื่อว่ายังคงมีคนเห็นค่าในผลงานเพลงอยู่ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน แผ่นเสียงหนึ่งแผ่นไม่ได้ทำหน้าที่แค่เล่นเสียงเพลงในแผ่นออกมา แต่ว่ามันคือของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจ มันคงจะรู้สึกดีมากกว่า ในวันที่เรารื้อกล่องที่ไม่ได้เปิดมานานแล้วเจอกับซีดีศิลปินในดวงใจ แทนที่จะมาเปิดเจอแค่ไฟล์เก่าๆ ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ :)
ถึงแม้ Tower Records ในไทยจะไม่มีแล้ว แต่ตอนนี้ก็มี Record Store เล็กๆ เปิดในกรุงเทพฯอยู่เหมือนกันนะ! แน่นอนว่าเราได้รวบรวมมาให้ในนี้แล้วที่นี่เลย!
In Summary
สำหรับหลายๆคน หนัง Documentary มักจะดูน่าเบื่อ แต่เราว่า All things must pass เกือบจะทำให้เราลืมไปเลยว่านี่คือสารคดี ด้วยการลำดับภาพและเล่าเรื่องราวแบบไหลลื่น เราสามารถปล่อยตัวเองให้เข้าไปอยู่กับสถานการณ์นั้นๆได้เลย ในยุคที่ร้านรุ่งเรือง เราก็พลอยรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย ในยุคที่ร้านกำลังจะเจ๊ง เราก็กลับใจหายขึ้นมาซะดื้อๆ ผู้คนที่ถูกสัมภาษณ์ก็ถ่ายทอดเรื่องราวได้สนุก เหมือนพ่อแม่ที่มาเล่าวีรกรรมซ่าๆ ในวัยรุ่นให้ลูกหลานฟัง ต้องขอสารภาพว่าตอนที่เพลง All things must pass ขึ้นมาตอนท้ายของเรื่อง ทำเอาเราเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว ลองดู Trailer ได้ข้างล่างเลย
Did you know?
ปัจจุบันนี้ Tower Records ยังคงยิ่งใหญ่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น และ ยังเหลืออีก 1 สาขาใน Dublin
สำหรับใครที่ยังไม่ดูอย่านิ่งนอนใจ ยังพอมีรอบฉายอยู่จนถึงช่วงหลังสงกรานต์ ติดตามรอบฉายได้ที่ www.fb.com/DocumentaryClubTH
*ขอบคุณข้อมูลจาก Documentary Club
ติดตามอัพเดทล่าสุดได้ทาง facebook นะ :)